เรื่องเล่าจากแม่ยาย

เรื่องเล่าจากแม่ยาย
"ประสบการณ์ลี้ลับซึ่งหลายคนอาจเคยได้สัมผัสเรื่องเล่าจากคนเฒ่าคนแก่ที่เราได้ยินได้ฟังมาแม้จะอยู่ในยุคโลกโซเชี่ยลเนตเวิรค์แต่สิ่งลี้ลับก็ยังคงมีให้เราได้รู้ได้ยินได้เห็นอยู่เรื่อยๆบางทีวิญญาณหรือพลังงานที่เราไม่สามรถมองเห็นอาจจะวนเวียนอยู่รอบๆตัวคุณก็เป็นไปได้"

Translate

วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 3 เสียงกล่อมลูกน้อย 2

"เสียงดังโครมครามที่เสาไม้ บอกไม่ถูกว่ามันคือเสียงอะไร แม่เพ่งไปที่เสาไม้ต้นนั้นแต่ก็ไม่เห็นอะไร แต่เสียงเพลงกล่อมเด็กกลับดังขึ้นๆเหมือนกับว่ามีผู้หญิงมากล่อมเด็กอยู่ตรงหน้าแต่ภายในห้องกลับว่างเปล่าไม่เห็นอะไรเลย"
   แม่สวดมนต์ท่องนะโมฯถูกบ้างผิดบ้าง แต่เสียงกล่อมเด็กนั้นกลับไม่เงียบหายไปเสียงนั้นดังขึ้นมาเรื่อยๆ
"โอออออละเห่ๆๆๆๆๆๆหลับบบตาซะลูกน้อย ฮื้มมมมม" เสียงนั้นช่างเย็นเชียบฟังแล้วรู้สึกได้เลยว่าไม่ใช่เสียงคนกล่อมลูกแน่แตน่าจะเป็นเสียงผีหรือวิญญาณที่อยู่ในห้องนี้ แม่หลับตาได้แต่สวดมนต์  สภาพแบบนี้ใครเจอก็ต้องขนหัวลุกทั้งนั้นแหละ!
  "แล้วแม่ทำยังไงต่อครับ"ผมถามแม่ยายเพราะผมก็รู้สึกสยองบอกไม่ถูกขนแขนตอนนี้ลุกเกรียว บรรยากาศข้างทางก็มีแต่ต้นไม้ใหญ่ไม่มีไฟทางมีเพียงรถผมคันเดียวที่วิ่ง แหม! มันช่างได้ฟิวส์เหมาะกับการเล่าเรื่องผีๆยิ่งนัก
  " แม่ก็สวดมนต์ถาวนาไปเรื่อยๆแล้วก็นอนคลุมโปรง จนเสียงนั้นค่อยๆหายไปแต่แม่ก็หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้นะรู้แต่เพียงว่าได้แต่ท่องบทสวดมนต์ไปเรื่อยๆจนตัวเองเพลียหลับไปมารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว" แม่เล่าต่อด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
  " โห!น่ากลัวจริงๆครับแม่มาแต่เสียงแบบไม่ให้เห็นตัวหลอนสุดๆครับ"
  "ไม่มาให้เห็นน่ะดีแล้ว มาแค่แต่เสียงตอนนั้นแม่ก็แทบบ้าแล้ว" แม่พูดไปหัวเราะไป  ตอนนี้มันฟังแล้วสนุกแต่ถ้าในตอนนั้นเป็นผมเจอคงฉี่ราดกางเกงไปแล้ว
   " แล้วแม่อยู่ที่ห้องนั้นต่อไหมครับ"
   " อยู่ต่อนะ เพราะเราพึ่งมายังหาที่ใหม่ไม่ได้ป้าบุญเพื่อนแม่แกก็กลับมาจากบ้านญาติมาถึงตอนเช้าแต่แม่ก็ไม่ได้เล่าอะไรให้เขาฟังหรอก เรา2คนก็อาบน้ำแต่งตัวและก็ออกไปขายของที่ตลาดกัน แม่ก็เป็นคนใจแข็งพอนะ คืนนี้แม่กะว่ามีป้าบุญนอนเป็นเพื่อนแล้วก็อุ่นใจคืนนี้คงไม่มีอะไร หลังจากเราขายของที่ตลาดเสร็จแล้วเราก็หาข้าวหาปลากินกันดูเวลาแล้วประมาณ2ทุ่มกว่าแม่กับป้าบุญก็อาบน้ำเตรียมเข้านอนกัน พอเราทำธุระของแต่ละคนเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็ปิดไฟเข้านอนกัน ก่อนนอนแม่ก็ไหว้พระสวดมนต์บอกเจ้าที่เจ้าทางให้คุ้มครองดูแล  คืนนี้ในใจแม่คิดว่าไม่น่ามีปัญหาเพราะมีป้าบุญมานอนด้วยแล้วคงไม่มีอะไรมารบกวน แม่และป้าบุญจึงหลับไป แม่หลับตอนไหนก็ไม่รู้อาจเป็นเพราะความเพลียจากการนอนน้อยตั้งแต่เมื่อคืนและขายของทั้งวันที่ตลาดจึงทำให้หลับสนิทแต่ก็มาสะดุ้งตื่นอีกทีกลางดึกดูเวลาประมาณตี2กว่าในใจก็คิดว่าตื่นมาทำไมตอนช่วงนี้นะ  ยังไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงเหมือนคนไกวเปลที่เสาไม้หัวมุมห้องที่เดิมแม่มองไปที่เสาไม้แต่ก็ไม่เห็นอะไร สักพักเสียงผู้หญิงกล่อมเด็กก็แว่วมาอีก"โออออออออละเห่ฮืมมฮื้มมมมม" แม่ได้ยินแบบนี้จึงรีบปลุกป้าบุญแม่เข่าตัวป้าบุญให้ตื่น แต่ป้าบุญกับหลับสนิทไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย แม่คิดในใจเอาแล้ว ป้าบุญคงโดนสะกดให้หลับ แม่ตั้งสติแล้วสวดมนต์แผ่เมตตาไปเรื่อย จนเสียงวิญญาณผู้หญิงนั้นค่อยๆหายไป แม่หลับตาสวดมนต์ไปเรื่อยๆนานเท่าไหร่ไม่รู้แต่มารู้ตัวอีกทีตอนที่ป้าบุญมาปลุกแม่ๆไม่รู้เลยว่าแม่หลับไปตอนไหน แม่ถามป้าบุญว่าเมื่อคืนได้ยินเสียงอะไรไหมป้าบุญบอกแกหลับสนิทไม่รู้เรื่องอะไรเลย แม่จึงเล่าเรื่องให้ป้าบุญฟัง ป้าบุญฟังแล้วขนลุก จากนั้นเราเลยไปถามคนที่อยู่แถวนั้นเขาก็เล่าให้ฟังว่ามีผู้หญิงท้องแก่มาคลอดลูกตายในห้องที่เราอยู่  แม่กับป้าบุญพอรู้เรื่องจึงรีบพากันไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลทันทีเรา2คนจึงเก็บของย้ายออกทันทีและก็ไปอาศัยอยู่กับญาติป้าบุญก่อนในอีกหมู่บ้านหนึ่งยอมเสียเงินขึ้นสองแถวมาขายของที่ตลาดดีกว่าเจอผีอีก"
   "เป็นผมย้ายจังหวัดหนีแล้วล่ะครับแม่555"
   " แต่มันไม่จบแค่นั้นน่ะซิ หลังจากแม่ไปอาศัยบ้านญาติป้าบุญอยู่ก็เจอดีอีกจนได้"
 ผมตกใจขนลุกอีกรอบ ยังมีต่ออีกหรือครับแม่ยาย!!!
 

เล่าให้ฟัง ฟังแล้วเก็บไปคิด แล้วนอนฝันร้ายคุณคงเคยเป็นกันใช่ไหม!?

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่2. เสียงกล่อมลูกน้อย 1

"เมื่อผมได้สติกลับมาผมจึงประคับประคองรถให้วิ่งเป็นปกติ หลังจากที่เหมือนมีสุนัขสีดำวิ่งตัดผ่านหน้ารถของผม"

  1. เสียงแคทเมียผมบ่นอยู่ข้างหูผมเนื่องจากเมื่อสักครู่ผมทำให้เธอต้องตื่นจากการนอนหลับ เพราะการเบรครถกระทันหันของผม แต่เมื่อได้ยินแม่ยายบอกว่าเจอะไรกลางค่ำกลางคืนอย่าทัก ผมก็เลยรูดซิบปิดปากเงียบไม่พูดไม่จาอะไร  ผมทำหน้าที่โชว์เฟอร์คนขับต่อไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แม่ยายผมคงรู้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว

   ผมชำเลืองดูนาฬิกาที่ข้อมือตอนนี้เป็นเวลา สองทุ่มบรรยากาศข้างทางมืดสนิทซ้ำยังมีฝนตกลงมาอย่างไม่ขาดตอน มันช่วยสร้างบรรยากาศอันวังเวงให้ดูน่ากลัวยิ่งนัก
    "ตอนสมัยแม่ทำงานที่อุดรเป็นไงบ้างครับแม่ เจออะไรแปลกๆที่นั่นหรอครับ" ด้วยความอยากรู้อยากได้ยินอีกทั้งผมจะได้ไม่หลับเลยชวนแม่ยายเล่าเรื่องต่อเลย
  แม่ยายนิ่งไปพักนึงเพราะเจ้าน้องคุณลูกชายผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแกจึงเอาน้ำให้หลานดื่มแล้วก็รูปหัวหลานเพราะกลัวหลานขวัญเสียจากรถเบรคกระทันหันเมื่อสักครู่ พอเห็นหลานนอนหลับแกจึงหันมาเล่าเรื่องต่อ  เมียผมตอนนี้หน้ายังไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ ยังคงอารมณ์เสียอยู่เพราะทำให้เธอตื่นจากความฝัน
  เมื่อ20กว่าปีก่อน ที่อุดรธานีสมัยนั้นยังไม่ค่อยเจริญมากเหมือนทุกวันนี้รถราผู้คนยังไม่เยอะ ตอนนั้นแม่ไปขายของพวกปลาหมึกแห้งของทะเลแห้งที่รับมาจากกรุงเทพฯแล้วแบ่งใส่ถุงขายในตลาดและเดินขายตามบ้านกับป้าบุญเพื่อนแม่  ตอนแม่ไปอยู่ใหม่ๆแม่พักอยู่บ้านเช่าเป็นบ้านไม้2ชั้น ลักษณะเป็นบ้านไม้เก่าโบราณแบบเก่า ข้างล่างเป็นร้านขายของชำทั่วไปข้างบนแบ่งให้คนเช่าห้องข้างบนโล่งมีเพียงเตียงนอนขนาดนอนได้2คนและมีตู้สำหรับเก็บเสื้อผ้า1ใบ  คืนแรกแม่นอนคนเดียวเพราะป้าบุญไปเยี่ยมญาติอีกหมู่บ้านหนึ่งและนอนค้างบ้านญาติ  หลังจากแม่อาบน้ำแต่งตัวทำอะไรเรียบร้อยแล้วเตรียมจะนอน แม่ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเพลงกล่อมเด็กแว่วมาเข้าหูแต่ดึกแล้วด้วยความเพลียจากการเดินทางแม่จึงไม่คิดอะไร จึงนอนลงที่เตียง  นอนลงหลับตาเสียงกล่อมเด็กก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆเหมือนมีคนมากล่อมเด็กอยู่ข้างๆเตียงเสียงกล่อมเด็กเย็นขึ้นเรื่อยๆ แม่จึงลืมตาขึ้นมองไปรอบๆห้องแต่ก็ไม่เห็นอะไร แต่ในใจแม่คิดไว้แล้วว่าโดน!เข้าแล้ว  แต่ทำใจดีสู้ผี! เลยนอนลงที่เตียงพยายามข่มตานอน  นอนไปสักพักเสียงผู้หญิงกล่อมเด็กก็ดังขึ้นอีกแต่คราวนี้เสียงเย็นกว่าเดิมและดังเข้ามาเรื่อยๆ
แม่รู้สึกกดดันมากตอนนี้อยากลืมตาแต่ก็กลัวเห็นสิ่งในที่ในไม่อยากเห็นแต่อยากพิสูจน์ให้รู้กันแกจึงลืมตาขึ้นทันที
   "โครมมม!!!" เสียงดังมากเหมือนคนเอาอะไรฟาดที่เสาบ้าน
 แม่ตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น แต่ตอนนี้สิ่งที่คิดถึงที่สุดก็คือสวดมนต์ไหว้พระ!
.................................................................................

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่1. แม่ยายเปิดประเด็น

"บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ในช่วงบ่ายวันศุกร์ ผมขออนุญาตลางานครึ่งวัน เพื่อจะไปดูน้องนาย ลูกชายคนโตที่โรงพยาบาล และจะแวะกลับไปที่คอนโดเพื่อที่จะไปรับยายชาลี แม่ยายของผมและน้องคุณลูกชายคนเล็ก เพื่อจะเดินทางกลับจังหวัดร้อยเอ็ดบ้านเมียและแม่ยายของผม "
    หลังจากเยี่ยมลูกชายคนโตของผมและให้พ่อแม่ผมดูแลลูกต่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมกับคุณแคทภรรยาของผมแม่ลีและน้องคุณลูกชายคนเล็ก พวกเราก็ออกเดินทางโดยเจ้ารถ SUV รถยนต์อเนกประสงค์คันเก่งของผม ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดร้อยเอ็ด ระหว่างทางรถรายังไม่ค่อยติดมากนักเนื่องจากยังอยู่ในช่วงเวลาบ่าย3โมง คนยังไม่เลิกงานกันก็มีเพียงแต่รถบรรทุกสิบล้อวิ่งอยู่บนถนนมอเตอร์เวย์ที่จะมุ่งหน้าออกไปสู่บางปะอิน  ส่วนเราก็ขับมุ่งหน้าสู่จังหวัดสระบุรีเพื่อจะออกไปโคราช  ประตูสู่แดนอีสานเพื่อจะมุ่งสู่จังหวัดร้อยเอ็ด
    ระหว่างทางช่วงปากช่อง เขาใหญ่มีเมฆฝนอยู่เป็นระยะ  แต่รถเรก็ยังวิ่งไปอย่างสบายเนื่องจากเป็นรถอเนกประสงค์คันใหญ่เราจึงวิ่งผ่านฉลุยไม่เกรงใจใคร แต่ก็ไม่ขับจี้ตูดหรือแซงรถคันอื่นอย่างน่าเกลียดเหมือนรถหลายๆคันที่เขาทำกัน
เพลงและบรรยากาศบนรถเข้ากันมากผมเปิดเพลงลูกทุ่งเอาใจแม่ยายเพราะคนวัยนี้ไม่ชอบฟังเพลงหนักๆหรือว่าเพลงรุ่นใหม่ๆที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมก็เลยเปิดเพลงลูกทุ่งเบาๆให้แกฟังส่วนภรรยาและลูกคนเล็กผมไม่ต้องพูดถึงพอข้ึนรถเจอแอร์เย็นๆก็หลับสบายไม่สนใจใครทั้งนั้น
   "แม่ชอบเพลงลูกทุ่งแบบนี้ฟังแล้วสบายคิดถึงอดีต" แม่ยายผมเอ่ยขึ้นมาหลังจากเมียผมและลูกหลับสนิท
   "ใช่แม่ผมก็ชอบฟังครับตอนเด็กๆเวลาผมนั่งรถไปกับพ่อแม่ผมพ่อผมก็มักจะชอบเปิดเพลงลูกทุ่งลูกรุงให้ฟังสบายๆ ฟังแล้วมันเข้ากับวิถีชีวิตคนไทยอย่างพวกเรา"
   "แต่ขับรถช่วงกลางค่ำกลางคืนเจอฝนตกนี่มันก็แย่นะ"แม่ยายแกบ่นๆ
   "ครับขับกลางคืนต้องระวังเป็นพิเศษครับแม่ผมไม่ค่อยขับเร็วหรอกครับบางทีเส้นไหนที่ไม่มีไฟทางเป็นทางโค้งมันอันตรายครับผมไม่กล้าเสี่ยง"ผมพูดพลางขับแซงซ้ายรถบรรทุกสิบล้อออกมาซึ่งพี่แกขับวิ่งขวามาตลอดทางแบบไม่สนใจใครเลยพับผ่า! ถนนนี้หัวใจข้าจองคนเดียวรึไง?ผมนึกด่าในใจ
   แม่ยายแกเงียบไปพักนึงซึ่งแกคงเห็นผมอารมณ์เสียกับรถสิบล้อข้างหน้าที่ไม่ยอมหลบออกซ้ายให้รถเรา รถวิ่งไปเรื่อยช่วงปากช่องฝนยังตกเป็นระยะแรงบ้างเบาบ้างสลับกันไปมาพาให้ผมต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการขับรถ
   "ขับรถกลางค่ำกลางคืนเวลาเห็นอะไรก็อย่าไปทักนะลูก"แม่ยายผมพูดขึ้นมาหลังจากทีแกเงียบไปพัก
 พอได้ยินที่แกทักมาผมก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะผมก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าผู้ใหญ่สมัยก่อนกลางค่ำกลางคืนถ้าเราเห็นอะไรเขาไม่ให้ทัก  ไอ้ที่ว่าเห็นอะไรนั้นตามความเข้าใจของผมและทุกคนคือ "วิญญาณหรือผี!" นั่นเอง
    ระหว่างขับไปในใจก็คิดว่าหรือว่าแม่ยายผมเห็นอะไรแกจึงทักผมขึ้นมาแบบนี้ หรือแกอาจจะพูดเตือนสติผมให้ฉุกคิดและมีสติในการขับรถก็อาจจะเป็นได้
   "เห็นบรรยากาศแบบนี้แม่ก็นึกถึงสมัยอยู่อุดร สมัยแม่สาวๆแม่ทำงานที่นั่น เจอเรื่องแปลกๆเยอะๆ" แม่ยายผมแกเปิดประเด็นเข้าให้แล้วไง
  "เอี้ยดดดด!!!" เสียงเบรครถผมดังสนั่น ภรรยาและลูกของผมสะดุ้งตื่นทันที
"อะไรของเธอนี่ย! พี่โยเมียผมตะโกนสุดเสียง
  ผมพยายามตั้งสติและควบคุมรถให้ไปต่อ
   ..........


 

"จากประสบการณ์ขนหัวลุกของแม่ยาย ที่ถ่ายทอดให้พวกเราได้รับรู้รับฟังว่า วิญญาณและสิ่งลี้ลับนั้นมีอยู่จริงบนโลกในยุคแห่งโซเชียลเนตเวิรค์ ก็ยังมีวิญญาณพลังงานที่เราไม่อาจมองเห็น บางทีวิญญาณเหล่านั้นอาจจะวนเวียนอยู่ใกล้ๆตัวเรา"